เสียงธรรมจากห้อง “เมตตาภิรมย์กรรมฐาน”
วันอาทิตย์ที่ 1 กันยายน 2567
เรื่อง ตั้งจิตเพื่อพระนิพพาน
โดย อาจารย์ คณานันท์ ทวีโภค
กำหนดสติในความรู้สึกตัวทั่วพร้อม ผ่อนคลายปล่อยวางร่างกาย ปล่อยวางคลายความเกาะความยึดมั่นถือมั่นในขันธ์ห้า ทั่วร่างกาย ปล่อยวางจิตใจ ปล่อยวางจากความคิดความวิตกกังวล ความห่วงทั้งหลาย ทั้งกิจการงานภาระหรือเรื่องราวที่เราห่วงใยกังวลไปในบุคคลอื่น วางทั้งกายขันธ์ห้า วางทั้งภาระของใจ มากำหนดรู้อยู่กับการปฏิบัติการเจริญพระกรรมฐาน มุ่งขัดเกลาจิตให้เข้าถึงความสงบ จิตที่เป็นหนึ่ง จิตที่ปราศจากนิวรณ์ห้า จิตที่สงบสงัดจากกิเลส เจริญวิปัสสนาญาณลับคมปัญญา เห็นธรรมเห็นอริยสัจ 4 เห็นทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค เห็นหนทางแห่งพระนิพพาน
กำหนดจิตปล่อยวางผ่อนคลายจนเข้าถึงความสงบเบา จดจ่ออยู่กับลมหายใจที่ละเอียดอ่อนเหมือนกับแพรวไหม จินตภาพเห็นลมหายใจพลิ้วผ่านเข้าออกเป็นประกายระยิบระยับ เป็นเหมือนกับกากเพชรระยิบระยับพลิ้วผ่านเข้าออกในกาย กำหนดรู้อยู่กับลมหายใจที่ละเอียด ลมหายใจที่สบาย ลมหายใจที่ประณีตนี้
ลมหายใจยิ่งละเอียด จิตยิ่งสงบ เบา ใจยิ่งสบาย เข้าถึงความสุขแห่งความสงบ ลมหายใจสบาย อารมณ์จิตมีความเบาสบาย เวทนาก็คืออารมณ์ ความสุขจากความสงบ ความสุขจากจิตที่สงบระงับจากนิวรณ์ห้า จิตที่พักจากความฟุ้งปรุงแต่งไป จิตที่เป็นสุขสงบจากการได้พัก จากความซัดส่ายวุ่นวาย นิ่งหยุด สงบ จิตเบาสบาย
กำหนดรู้พิจารณาว่าทุกครั้งที่เราเจริญพระกรรมฐานเข้าถึงความสงบได้ ทุกวินาทีที่จิตเราสงบจากนิวรณ์ห้าประการ สงบจากความวุ่นวาย สงบจากกิเลสทั้งหลาย จิตเราก็เข้าถึงบุญกุศลในการนำพาจิตของตนให้ห่างให้พ้นจากทั้งกิเลสความโลภโกรธหลงและนิวรณ์ทั้งปวง จิตสงบ เบา สบาย
จากนั้นกำหนดจิตต่อไป หยุดจิต นิ่งหยุดสงบ หยุดปรุงแต่ง หยุดอกุศล หยุดกิเลส หยุดนิวรณ์ห้าประการ นิ่งหยุดจนเข้าถึงเอกัคคตารมณ์
จากนั้น ณ จุดที่จิตของเรานั้นหยุด เรากำหนดจินตภาพให้เห็นจิตเป็นดวงแก้วใสสว่างขึ้น รุ่งโรจน์ขึ้น จิตเป็นหนึ่งเดียวกับกสิณ กสิณเป็นหนึ่งเดียวกับจิต
จิตเป็นแก้วประกายพรึกสว่าง มีลักษณะเป็นเพชรลูกเจียระไนโดยรอบ มีความแพรวพราวระยิบระยับ กำหนดจิตผ่องใสสว่าง มีเส้นแสงรัศมีแผ่กระจายออก ยิ่งจิตมีความแพรวพราวระยิบระยับมีความสว่างมากเท่าไร อารมณ์จิตอารมณ์พระกรรมฐานจิตเรายิ่งเป็นสุขยิ่งขึ้นเปล่งประกายยิ่งขึ้น เกิดจิตตานุภาพอำนาจแห่งความเป็นทิพย์ของจิต ทิพยอํานาจก่อเกิดจากจิตที่เป็นประกายพรึก กำหนดทรงอารมณ์ทรงสภาวะทรงภาพแห่งกสิณไว้ ถึงพร้อมทั้งภาพที่เป็นแสงสว่างแพรวพราวเป็นเพชรระยิบระยับเป็นเส้นแสงแผ่ออกจากจิต ถึงพร้อมทั้งอารมณ์ความรู้สึกที่เปี่ยมพลัง เปล่งประกายออกจากจิตของเรา ถึงพร้อมด้วยอารมณ์จิตที่มีความรู้สึกเป็นสุขอย่างยิ่ง อิ่มใจอย่างยิ่ง สัมพันธ์กับแสงสว่าง สัมพันธ์กับภาพนิมิต จิตตานุภาพอารมณ์จิตสัมพันธ์กับภาพกสิณ จุดนี้เป็นเคล็ดของการเจริญกรรมฐานในการทรงจิตในกสิณ
ทรงอารมณ์ไว้ สว่าง เพาะบ่มจิตตานุภาพ เพาะบ่มทิพยอำนาจ สร้างเหตุอันดีที่เรามีความเพียรในการปฏิบัติ ในการยกจิตของเราให้มีกำลัง ให้มีวสี ให้มีความเสถียร ความสม่ำเสมอของกระแสจิตของฌานสมาบัติ นิ่งหยุด สว่างผ่องใส เอิบอิ่มเปี่ยมพลัง จิตเข้าถึงกำลังแห่งความผ่องใส ความผ่องใสคือกุศล ในขณะที่ทรงกสิณจิต กระแสคลื่นความสว่าง แสงสว่างเส้นแสงที่แผ่ออกจากจิต เราก็กำหนดผนวกควบให้กระแสแสงสว่างแห่งจิตนั้นเป็นกระแสที่เปล่งประกายแห่งความเมตตาอันไม่มีประมาณออกมาพร้อมกัน ขอจิตตานุภาพอภิญญาสมาบัติของข้าพเจ้านี้จงเป็นสัมมาสมาธิสัมมาอภิญญา จิตตานุภาพเป็นไปผนวกกับกระแสจิตอันเปี่ยมไปด้วยเมตตาเปี่ยมไปด้วยพรหมวิหารสี่ ใจเรายิ่งสว่างยิ่งเอิบอิ่ม จิตยิ่งสว่างขึ้นผ่องใสขึ้น จิตยิ่งมีกำลังขึ้น ทั้งจิตยิ้ม กายเนื้อยิ้ม อารมณ์จิตของเราเบิกบาน จิตเป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน รู้ในกุศล รู้ในศักยภาพของจิต รู้ว่าเราคือจิต เราไม่ใช่กายเนื้อ รู้ในธรรม เป็นผู้ตื่นขึ้นในการใช้จิตใช้อภิญญาจิตด้วยกำลังของเมตตาพรหมวิหารสี่ เป็นผู้เบิกบานในธรรมในกระแสจิตอันเป็นกุศลที่แผ่ออกไปสว่างออกไป
จิตนี้เป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน จิตสว่างอย่างยิ่งผ่องใสอย่างยิ่ง เปี่ยมพลังอย่างยิ่ง ขอจิตข้าพเจ้าจงเป็นกระแสจิตอันเปี่ยมไปด้วยกระแสแห่งความเมตตา จิตเป็นเพชรประกายพรึก จิตเป็นดวงจิตอันประภัสสรที่รู้ตื่นขึ้นสู่จิตเดิมแท้ของตน สว่างผ่องใส เมตตาเต็มเปี่ยม เอิบอิ่มชื่นบาน สว่างรุ่งโรจน์ ยังประโยชน์ต่อมวลสรรพสัตว์
กำหนดจิตให้จิตของเรานั้นเปล่งประกายแผ่กระแสความสว่างกระแสแห่งเมตตาเต็มกำลัง จิตยิ่งยิ้ม กายยิ่งยิ้ม ยิ่งเบิกบาน ยิ่งเปี่ยมพลัง
จากนั้นกำหนดจิตต่อไป เหตุที่ข้าพเจ้าปฏิบัติสร้างกำลังสมาธิจิตตานุภาพฌานสมาบัติด้วยความเพียรด้วยความพยายามด้วยความสม่ำเสมอ ปฏิบัติด้วยกำลังแห่งบารมีสิบครบถ้วนบริบูรณ์เต็ม แต่กำลังของข้าพเจ้านี้ยังน้อยนัก ข้าพเจ้านี้มีคุณแห่งพระพุทธเจ้า พระธรรม พระอริยสงฆ์เป็นสรณะเป็นที่พึ่งที่อาศัยอย่างมั่นคงด้วยชีวิตด้วยเศียรเกล้าตลอดชีวิตตราบเท่าเข้าถึงซึ่งพระนิพพาน กำลังข้าพเจ้ามีเท่าไร เต็มกำลังผ่องใสมากเท่าไร เหตุที่ทำไว้ดีแล้ว ขอบารมีพระพุทธองค์สิ่งศักดิ์สิทธิ์คือพระรัตนตรัยตลอดจนเทพพรหมเทวาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั่วสากลพิภพทั่วถ้วนทั้งสังสารวัฏ เมตตาสงเคราะห์เกื้อกูลเอ็นดูข้าพเจ้า ขอเมตตาปรากฏกำลังแห่งพุทธานุภาพ ภาพพุทธนิมิตปรากฏสว่างไสวสะท้านสะเทือนไปทั่วสามแดนโลกธาตุ องค์พระเป็นองค์ใหญ่สว่างผ่องใสปรากฏเป็นพุทธานุภาพมาโปรดข้าพระพุทธเจ้าแต่ละบุคคลด้วยเทอญ
กำหนดทรงภาพองค์พระ บางคนก็สัมผัสได้ว่าองค์พระท่านปรากฏครั้งนี้องค์ใหญ่มาก กำหนดน้อมจิตทรงภาพพระ ทรงภาพพระให้ชัดเจนแจ่มใส จากนั้นตั้งจิตขอพุทธานุภาพเมตตาสงเคราะห์ยกอาทิสมานกายกายทิพย์ข้าพเจ้าขึ้นไปปรากฏบนพระนิพพานในสภาวะแห่งกายพระวิสุทธิเทพที่สว่างผ่องใสรุ่งโรจน์ชัดเจนที่สุดด้วยเถิด ขอให้กายทิพย์ข้าพเจ้าปรากฏบนพระนิพพานเต็มกำลัง มีความชัดเจน เครื่องทรงเครื่องประดับสภาวะความเป็นกายทิพย์มีความชัดเจนละเอียดอย่างยิ่ง
จากนั้นอธิษฐานจิตใช้กายทิพย์ของเราแต่ละคน น้อมจิตกราบพระพุทธเจ้าสมเด็จองค์ปฐม พระพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้า พระอรหันต์ทุกๆพระองค์ ครูบาอาจารย์ที่ท่านเมตตามาปรากฏจำเพาะเจาะจงตรงต่อจิตของเรา น้อมจิตกราบทุกพระองค์ด้วยความนอบน้อมด้วยความเคารพ ยิ่งนอบน้อมในพระพุทธเจ้าสิ่งศักดิ์สิทธิ์พระรัตนตรัยมากเท่าไร กระแสที่ท่านสงเคราะห์ที่ท่านโปรดก็สงเคราะห์เชื่อมโยงมายังจิตของเราได้มากเพียงนั้น เราเป็นคนที่มีความเพียรขยัน หมั่นสร้างบุญกุศล เป็นผู้ที่มีกุศลจิตในการบำเพ็ญทานเป็นปกติ มีคุณธรรมศีลธรรมเป็นปกติ มีความนอบน้อมศรัทธาเคารพในพระรัตนตรัยเป็นปกติ เจริญพระกรรมฐานยังจิตให้ผ่องแผ้วเบิกบานเป็นปกติ คลื่นกระแสของเราก็ถือว่าเป็นกัลยาณชน เป็นคลื่นกระแสจิตที่เต็มไปด้วยบุญกุศล เมื่อจิตของเรามีกระแสแห่งบุญกุศลหล่อเลี้ยงรักษา คุณของพระของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ท่านก็เมตตาช่วยเหลือคุ้มครองเราได้เต็มกำลังเพราะเราทำเหตุมาดีแล้ว นอกเหนือเพียงแต่ว่าหากมีวิบากกรรมอกุศลที่เราเคยทำมา มาตัดรอนมาขัดขวาง แต่จงสำนึกไว้เสมอว่า บุญกุศลที่เราสร้าง ถ้าเราสร้างถ้าเราบำเพ็ญจนกระทั่งกระแสบุญนั้นมันมากมันใหญ่จนเป็นประดุจเหมือนกับน้ำที่มีกระแสเชี่ยวกราก ไม่ใช่เป็นเพียงแต่น้ำในลำธารเล็กๆแห้งผาด กระแสบุญนั้นก็อาจจะช่วยผลักดันพัดพาให้วิบากอกุศลนั้นห่างหายไปจากชีวิตของเราได้ ดังนั้นกำลังใจของเราจงเป็นผู้ที่มีปกติในการให้ทาน เป็นผู้ที่มีปกติในศีล เป็นผู้ที่เป็นปกติในการรักษาจิตให้ผ่องแผ้วด้วยกำลังของสมาธิก็ดี กำลังของเมตตาอันเป็นปกติก็ดี กำลังของฌานสมาบัติกำลังของวิปัสสนาญาณก็ดี กำลังบุญของเราก็จะมีเต็มเปี่ยม เป็นเครื่องรักษา
ในช่วงปัจจุบันช่วงนี้เป็นช่วงที่วิบากกรรมเข้าคนส่วนมาก บางคนเกิดอุบัติเหตุเล็กๆบ้าง บางคนเกิดอุบัติเหตุใหญ่บ้าง บางคนเจ็บไข้ได้ป่วยไม่สบายบ้าง ช่วงนี้เป็นช่วงเวลาที่เขาเก็บหรือแม้แต่บางคนก็ประสบกับภัยพิบัติ เช่นน้ำท่วม ทั่วโลกบางเขตเขาก็กำลังอยู่ในสภาวะที่มีศึกสงคราม มีการเสียชีวิต มีการรบราฆ่าฟันกันทุกวัน บางพื้นที่ในโลกก็ปรากฏแผ่นดินไหว เกิดพายุฝนมีความรุนแรง บางพื้นที่ก็เกิดไฟป่า จุดนี้เป็นจุดที่มันช่วยคลายจากวาระจากเกณฑ์ที่จะต้องเกิดภัยพิบัติสงครามที่มันมีความรุนแรง ตอนนี้ก็ถือว่ามันเฉลี่ยเกลี่ยไป แล้วก็มีกำลังบุญของสาธุชนทุกสาย ทั้งพุทธบริษัทสี่ คือ บรรพชิต พระสงฆ์ พระสุปฏิปันโน พระอริยเจ้า ครูบาอาจารย์หรือฆราวาสร่วมจิตร่วมใจกันสร้างบุญกุศลสร้างบุญใหญ่กัน บุญใหญ่อาทิเช่นการสร้างโบสถ์สร้างวิหารทาน บุญใหญ่ที่ช่วยกันทำสมาธิหมู่ บุญใหญ่ที่ร่วมใจกันสวดมนต์เป็นจำนวนเป็นหมู่มาก บุญใหญ่ที่ปรากฏว่ามีการสร้างพระพุทธรูปเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งพระพุทธรูปทองคำบริสุทธิ์ ตอนนี้สร้างจนแทบจะนับไม่ถ้วน กุศลใหญ่บุญใหญ่ทั้งหลายโดยเฉพาะอย่างยิ่ง องค์พระมหากษัตริย์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก็ทรงแสดงว่าพระองค์ทรงธรรมเป็นปกติ คือเจริญวิปัสสนาเจริญพระกรรมฐานปฏิบัติธรรมเป็นปกติ ตรงจุดนี้ก็ถือว่าเป็นบุญที่ช่วยค้ำชูค้ำจุนพสกนิกรชาวไทยแล้วก็พระพุทธศาสนา แต่ในขณะเดียวกันในโลกก็มีผู้คนที่กระทำบาปหยาบช้าทำแต่อกุศลหรือแม้แต่เป็นคนที่ไม่มีศีลมีธรรม ยุแยงพยายามที่จะทำให้เกิดอบายมุข เกิดสิ่งที่มันเป็นบาปเป็นกรรมขึ้นมาให้เป็นสิ่งที่มันถูกกฎหมายขึ้นมาอยู่ข้างบนนั่นก็คือให้เสรีในการทำชั่ว
ตอนนี้มันก็เป็นเรื่องราวของธรรมาธรรมะ ธรรมาธรรมะสงครามคือสงครามระหว่างความดีกับความชั่ว ก็ให้เราถามจิตของเราว่าในขณะที่กระแสโลกก็มีส่วนหนึ่งที่มันมีความเชี่ยวกรากในอกุศล แต่จิตเรายังมีความมั่นคงในกุศลในความดีไหม เราเห็นผู้ที่ทำผิดคนที่ทำชั่วขึ้นมาเป็นใหญ่ขึ้นมามีอำนาจ ในขณะที่คนดีมีศีลมีธรรมมีเจตนาดีต่อส่วนรวมบ้านเมืองอีกมากมายหลายคนนั้น ถูกดูหมิ่นเหยียดหยามถูกใส่ร้ายใส่ความ แต่จิตของเรามีความหวั่นไหวไหม
เรากำหนดจิตอย่าถูกกระแสของโลกพัดพาให้ไหลไปตามกระแสโลก กระแสโลกว่าบาปเป็นเรื่องดี ทำชั่วคือเก่ง เราจะไหลตามกระแสโลกไหม หรือเราจะเป็นผู้ที่มีจิตมีปัญญา พิจารณาและอยู่เหนือโลก คือเหนือจากกระแสของโลก เหนือจากกระแสของโลกก็คือกระแสแห่งธรรม เอาธรรม เอาความถูกต้อง เอาคุณธรรมศีลธรรมความดีงาม เอาคุณประโยชน์ต่อส่วนรวมคือชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์เป็นที่ตั้ง
เรากำหนดจิตของเราอยู่เหนือกระแสได้ไหม พ้นขึ้นไปอีกก็คือกระแสของโลกุตรธรรมกระแสของมรรคผล ถ้ายกจิตขึ้นไปอยู่ในกระแสของโลกุตรธรรม อย่างตอนนี้เรายกจิตขึ้นมาบนพระนิพพาน เราก็พิจารณาข้ามไปอีก ว่าสุดท้ายแล้ว จะเป็นคนดีหรือคนชั่ว สุดท้ายในที่สุดก็ต้องตาย ตายไปแล้วก็เวียนว่ายตายเกิดต่อ ต่อไปในสังสารวัฏ ภัยพิบัติทั้งหลาย สงครามทั้งหลาย มีคนดีมาช่วยกอบกู้ แต่ในที่สุดความสงบก็ปรากฏชั่วระยะเวลาหนึ่ง และในที่สุดมันก็เกิดความวุ่นวาย เกิดภัยพิบัติ เกิดศึกสงครามต่อไปไม่มีที่สิ้นสุด มันไม่ใช่ว่าเหตุการณ์ความสงบความร่มเย็นมันจะเกิดชั่วนิจนิรันดร์ หรือแม้แต่กาลเวลาที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จมาตรัสประกาศพระพุทธศาสนา อย่างสมเด็จองค์ปัจจุบันคือองค์พระสมณโคดมพระพุทธเจ้า อายุพระพุทธศาสนาท่านก็มีกาลเวลาเพียงแค่ห้าพันปี พ้นไปจากนั้นก็เข้าสู่กลียุค สู่ยุคเสื่อมอีกเป็นเวลาหลายล้านปีกว่าพระศรีอริยเมตไตรยท่านจะมาเสด็จตรัส ดังนั้นหลังจากนี้มันก็เป็นยุคมืดที่ไม่มีศาสนามีแต่ความวุ่นวายมีแต่ความทุกข์ แม้แต่ยุคที่มีพระพุทธองค์ก็ยังมีความวุ่นวายมีสงคราม สมัยพุทธกาลเองก็มีสงครามระหว่างแคว้น
ดังนั้นเราจะเห็นได้ว่าสุดท้ายโลกนี้วุ่นวายหนอ ตราบที่ยังเกิดอยู่บนโลกมนุษย์ เราไม่อาจพ้นจากความวุ่นวายทั้งหลาย เหตุการณ์บ้านเมืองต่างๆก็ดี ศึกสงครามก็ดี ภัยพิบัติก็ดีมันเกิดเป็นวัฏฏะ เป็นธรรมชาติ เป็นเรื่องปกติ
ดังนั้นการที่เราจะพ้นจากภัยพิบัติ พ้นจากความวุ่นวายของผู้คน พ้นจากภัยจากศึกสงครามการทำลายล้างทารุณโหดร้าย หนทางเดียวก็คือเราไม่ต้องเกิดอีกต่อไป นั่นก็คือตั้งจิตเพื่อพระนิพพานในที่สุด ดังนั้นไม่ว่าภัยพิบัติจะเกิดขึ้นกี่ครั้งกี่หนต่อไปในอนาคตกาล สงครามจะเกิดขึ้นอีกกี่ครั้งกี่หน ในที่สุดถ้าเราเข้าถึงซึ่งพระนิพพานไม่มาเกิดอีกต่อไป ภัยพิบัติทั้งหลายเราก็ไม่ต้องหลีกหนี เราก็ไม่ต้องพบเจออีกต่อไป ภัยที่น่ากลัวที่สุด ภัยพิบัติอันยิ่งใหญ่ของทุกดวงจิตก็คือภัยแห่งสังสารวัฏ ความหลงพาให้เราเพลิดเพลินอยู่กับความเป็นมนุษย์ อยู่กับความเป็นเทวดาความเป็นพรหม โดยเฉพาะอย่างยิ่งเราคิดว่าโลกนี้มันมีแต่ความสุขสนุกสนาน แต่ที่จริงมันมีความทุกข์ มันมีการทำร้าย มีความทารุณโหดร้าย มีการเบียดเบียน มีการเข่นฆ่าประหัตประหาร มีความพลัดพรากจากของรักของเจริญใจ ดังนั้นเราพิจารณาเช่นนี้แล้วเราจึงยกจิตเข้าสู่กระแสแห่งโลกุตร กระแสที่พ้นโลก พ้นสังสารวัฎ กระแสแห่งพระนิพพาน
ตอนนี้ให้เราน้อมจิตพิจารณาเห็นคุณของพระนิพพาน พิจารณาจนเกิดปัญญาญาณว่าเราตั้งจิตเพื่อพระนิพพานในชาติปัจจุบันนี้ ชาตินี้ขอให้เป็นชาติสุดท้ายของข้าพเจ้าทั้งหลาย ข้าพเจ้าขอไม่เกิดอีกต่อไป แต่ตราบที่ยังมีชีวิตอยู่ก็ขอทำงาน ขอสร้างประโยชน์ให้กับชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ในยามเจริญพระกรรมฐานก็ขอน้อมบุญกุศลมาช่วยเป็นกำลังค้ำจุนชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ บ้านเมือง ชีวิตของเรายังประโยชน์เป็นแสงสว่างเป็นกำลังแห่งแผ่นดิน
จากนั้นทรงอารมณ์ทรงสภาวะในกายแห่งพระวิสุทธิเทพ กำหนดรู้ว่าตอนนี้กายของเรามีความสว่างมีความใสมีเครื่องประดับมีลักษณะเช่นไร แล้วก็ดูอารมณ์จิตคืออารมณ์พระนิพพาน อารมณ์ที่วางโลก ละโลก ตัดภพชาติจนสิ้น จิตไม่มีความห่วงไม่มีความอาลัยไม่มีสายใยที่ทำให้เรายังต้องเกาะเกี่ยวลงไปเกิดในภพทั้งปวง ไม่ว่าจะเป็นภพของโลกมนุษย์ ภพของสวรรค์ ภพของพรหมอรูปพรหมอีกต่อไป ทรงอารมณ์จิตในอารมณ์พระนิพพาน สิ้นภพจบชาติ กิจทั้งหลายจบแล้ว กรรมทั้งหลายไม่อาจส่งผลกับเราได้อีกต่อไป เราขอเข้าถึงซึ่งพระนิพพาน จิตเราเข้าถึงไตรสรณคมน์
กำหนดในความเป็นกายพระวิสุทธิเทพสว่างผ่องใสอย่างยิ่ง กำหนดน้อมพิจารณาอารมณ์ที่สิ้นอาสวกิเลสทั้งปวง
น้อมจิตขอให้เกิดสภาวะกายทิพย์สวมตรงกับสภาวะแห่งอนาคตังสญาณ เมื่อข้าพเจ้าเข้าถึงซึ่งพระนิพพานในอนาคต ตายจากร่างกายนี้แล้ว อารมณ์จิตของข้าพเจ้าที่เข้าถึงพระนิพพานเป็นพระวิสุทธิเทพมีอารมณ์เช่นไร ขอให้เจโตปริยญาณเป็นหนึ่งเดียวกับจิตปัจจุบันที่ข้าพเจ้ายกไว้บนพระนิพพานด้วยเถิด และอธิษฐานจิต ขอให้อาทิสมานกายของข้าพเจ้านี้ ขอพุทธานุญาตให้กายทิพย์ข้าพเจ้าเข้าไปอยู่ภายในดวงพระราชหฤทัยคือดวงจิตของสมเด็จองค์ปฐม ขอให้ข้าพเจ้าได้รับรู้รับทราบเข้าถึงอารมณ์แห่งพระนิพพาน สัมผัสซึมซับรับทราบอารมณ์แห่งพระพุทธเมตตาที่มีต่อมวลหมู่เวไนยสัตว์ เข้าถึงอารมณ์วิมุตติสุขในอารมณ์พระนิพพานในดวงจิตของสมเด็จท่าน ขอให้อารมณ์จิตทั้งหลายตรงตามความเป็นจริงทุกประการด้วยเถิดพระพุทธเจ้าคะ
พุ่งจิตเข้าไปอยู่ในองค์สมเด็จท่าน สัมผัสซึมซับว่าท่านมีน้ำพระราชหฤทัยเอ็นดูต่อสรรพสัตว์ทุกดวงจิตเสมอกัน เมตตาปรารถนาให้ทุกดวงจิตเข้าถึงซึ่งพระนิพพาน เราซึมซับ เข้าถึงความเย็น ความเมตตา กระแสความบริสุทธิ์ พระบริสุทธิคุณ พระกรุณาธิคุณ พระเมตตาธิคุณ ของพระพุทธองค์สมเด็จองค์ปฐม เราซึมซาบซึมซับไว้ในจิตของเรา กายทิพย์เราซึมซับกระแสของสมเด็จองค์ปฐม เราก็กำหนดรู้จิตเราตอนนี้เป็นสุขไหม จิตของเรามีธรรมฉันทะ รักเคารพนอบน้อมในพระพุทธเจ้าท่านไหม จิตเราสำนึกรู้ขอบคุณพระพุทธเจ้าทุกๆพระองค์สืบมา พระปัจเจกพุทธเจ้า พระอรหันต์ ครูบาอาจารย์ที่ท่านทรงต่อกระแสธรรมจนมาถึงเราจนเราปฏิบัติได้ถึงขั้นนี้จุดนี้ไหม ให้เรานอบน้อมขอบคุณจากส่วนลึกที่สุด หมดหัวจิตหัวใจจนจิตเราเข้าถึงคำว่ามอบกายถวายชีวิตต่อพระรัตนตรัยได้ เรารักเคารพสุดหัวจิตหัวใจเข้าถึงอารมณ์ที่ลึกที่สุดโดยละเอียดที่สุด
เมื่อสัมผัสทรงอารมณ์ได้ถึงจุดนี้ เราน้อมพิจารณาจิตของเรา คราวนี้เรายังยินดีกับความวุ่นวายความเร่าร้อนในการมาเกิดเป็นมนุษย์อีกไหม เรายังอยากกลับไปยังสังสารวัฎความวุ่นวายอีกไหม จิตเราแนบพระนิพพาน มีธรรมฉันทะในพระนิพพานหรือยัง มีมากแค่ไหน ยิ่งจิตมีความซาบซึ้งดื่มด่ำละเอียดในอารมณ์พระนิพพานในกระแสของพระพุทธองค์อย่างแท้จริงมากเท่าไร จิตเราก็จะยิ่งมั่นคงในพระนิพพานมากเพียงนั้น จิตเรามั่นคงในพระนิพพานมากเท่าไรก็เหมือนกับแม่เหล็กที่ดึงดูดจิตของเราโดยเฉพาะยิ่งจิตสุดท้ายก่อนตาย ให้เรามายังพระนิพพานได้ง่ายขึ้นได้เร็วขึ้น ทรงอารมณ์จิตอยู่ในดวงพระราชหฤทัยของสมเด็จองค์ปฐม ซึมซับรับกระแสพระเมตตา กระแสพระกรุณาธิคุณ พระบริสุทธิคุณ ท่านไม่ได้สอนแนะนำหมู่เวไนยสัตว์ให้เข้าถึงพระนิพพานเพราะต้องการคำสรรเสริญ ท่านทำเพราะปรารถนาดีต่อจิตดวงนั้นต่อสัตว์ตนนั้น อยากให้พ้นทุกข์อย่างแท้จริง ความเหนื่อยยากในการบำเพ็ญบารมีทั้ง 30 ทัศของพระพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ เหนื่อยยากตรากตรำแสนเข็ญ แต่ท่านทำให้เกินกำลังของท่านเองที่จะนำพาจิตตนเข้าสู่พระนิพพาน ยอมเหนื่อยมากกว่า ยอมเหนื่อยต่อ ยอมสร้างบารมีต่อ เพื่อให้มีกำลังบุญบารมีที่จะนำพารื้อขนดวงจิตอื่นไปนิพพานได้ คือลำพังท่านไปแต่องค์เดียวท่านก็ไม่ต้องเหนื่อยแบบนี้ แต่ท่านยอมเหนื่อยยอมสอนยอมลำบากก็เพื่อที่จะให้ผู้คนดวงจิตทั้งหลายได้เข้าถึงความดี คือมีพระนิพพานเป็นที่สุดให้ได้มากที่สุด
ดังนั้นเราต้องเข้าใจซาบซึ้งถึงอารมณ์ถึงกระแสแห่งพระพุทธเมตตา หรือแม้แต่กระแสน้ำพระราชหฤทัยขององค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระมหากษัตริย์ทุกๆพระองค์ ท่านก็ทรงเหนื่อยยากตรากตรำเพื่อพสกนิกรของพระองค์ท่าน
ดังนั้นจิตเราต้องเป็นจิตที่ฉลาด รู้จักคือรู้จักว่าใครเป็นคนดี ใครที่มีกระแสแห่งความจริงใจบริสุทธิ์ใจ และในขณะเดียวกันก็เป็นจิตของเราที่ต้องเป็นผู้ที่ฉลาด มีปัญญารู้จักในความกตัญญูกตเวทิตาต่อบุคคลที่มีคุณความดี ต่อส่วนรวม น้อมจิตของเราให้จิตของเราซึมซับซาบซึ้งกับบุญกุศลกับความดีกับกระแสความบริสุทธิ์ ให้จิตเราซาบซึ้งว่ายังมีมหาบุรุษคือพระพุทธเจ้า มหาบุรุษคือพระมหากษัตริย์ในแผ่นดินไทยที่ทรงอุทิศตนยอมเหนื่อยยากเพื่อคนอื่น
ดังนั้นเราพอมีกำลังที่จะช่วยเหลือแบ่งเบา สร้างความดี สร้างกุศล สร้างคุณประโยชน์ จะเป็นทางโลกก็ดีทางธรรมก็ดี ในระหว่างที่เรายังไม่ไปพระนิพพานยังมีชีวิตขันธ์ห้าอยู่ เราก็ยังประโยชน์สุขให้เกิดขึ้น น้อมจิตซึมซับกระแสแห่งพระพุทธเมตตาจนจิตเราเกิดธรรมปีติ มีความเคารพรักดื่มดำในพระพุทธองค์
จากนั้นจิตของเราผ่องใส สว่าง กายพระวิสุทธิเทพสว่างอยู่ในองค์ท่าน
จากนั้นเราจึงกำหนดจิต พุ่งอาทิสมานกายออกมา แล้วก็ตั้งจิตกราบ อยู่เบื้องหน้าสมเด็จองค์ปฐม ตั้งจิตกราบขอขมาและก็ขอพุทธานุญาตว่าเมื่อไรที่ลูกมีความทุกข์ ไม่ว่าจะจากขันธ์ห้า เจ็บไข้ได้ป่วยไม่สบาย ไม่ว่าจะทุกข์ใจกระทบใจ ก็ขออนุญาตให้ข้าพเจ้าได้เข้าสู่ดวงจิตดวงพระราชหฤทัยของสมเด็จองค์ปฐม ให้จิตข้าพเจ้าได้พักให้ดับจากความเร่าร้อนความทุกข์ทั้งหลายทั้งปวง ให้จิตข้าพเจ้าสลายล้างสรรพกิเลสคือความรักโลภโกรธหลงออกไปจากใจ มีความแนบในไตรสรณะคมภ์และอารมณ์พระนิพพานภายในดวงพระราชหฤทัยของสมเด็จองค์ปฐมด้วยเถิด แล้วก็ก้มลงกราบท่านที่ตัก แล้วก็ดูรู้สึกสัมผัสว่าท่านเมตตาท่านพยักหน้าหรือท่านลูบศีรษะเมตตาเอ็นดูเราไหม
จากนั้นอธิษฐานต่อ ขอให้นับแต่นี้จิตข้าพเจ้าแนบกับพระนิพพาน เกิดธรรมะฉันทะ รักในพระนิพพาน มั่นคงในพระนิพพาน เป็นหนึ่งเดียวกับพระนิพพานด้วยเถิด ขอนับแต่นี้ปัญญาในธรรมข้าพเจ้าขอจงรู้แจ้งแทงตลอดในธรรมทั้งปวง มีความเจริญรุ่งเรืองในพระพุทธศาสนาของสมเด็จองค์พระสมณโคดมพระพุทธเจ้า ธรรมทั้งปวงจงปรากฏผุดรู้ขึ้นมาในจิต ขอสติจงรู้เท่าทันสรรพกิเลสและการกระทบใจ
ขออุเบกขารมณ์จนถึงสังขารุเปกขาญาณ อุเบกขาในทุกสิ่งทุกกระแสแห่งการกระทบที่ปรากฏขึ้นจากความวุ่นวายบนโลกมนุษย์
จิตข้าพเจ้าจงมั่นคง แม้ท่ามกลางกระแสแห่งความวุ่นวายทั้งปวงของโลกด้วยเถิด
สงบนิ่ง ผ่องใส จิตจงยกขึ้นพ้นจากกระแสโลก ผ่านกระแสธรรม ขึ้นสู่กระแสแห่งโลกุตระ เข้าสู่กระแสมรรคผลพระนิพพาน พ้นโลกขึ้นไป พ้นสังสารวัฏขึ้นไป ปัญญารู้เท่าทันกระแสของโลกว่ามันเป็นเช่นนี้เอง ทุกอย่างแห่งการเบียดเบียนวุ่นวายเป็นไปเพราะความโลภโกรธหลงในดวงจิต จิตพ้นจากความวุ่นวาย จิตไม่ปรารถนาความวุ่นวายทั้งปวง
อธิษฐานจิต ขอกายพระวิสุทธิเทพจงสว่างรุ่งโรจน์ปรากฏในวิมานของตนบนพระนิพพาน แล้วก็เช็คดูตรวจดูจิตของเรา เราถึงซึ่งพระนิพพาน มันสงบ มันสบายกว่าการเป็นมนุษย์กับการวุ่นวายการเกิดในสังสารวัฏไหม น้อมใจของเราให้เกิดกระแสแห่งกุศลผ่องใส กำลังบุญจงปรากฏสว่าง ปัญญาเห็นภัยในสังสารวัฏจงปรากฏตื่นขึ้น
จากนั้นเราจึงน้อมอธิษฐาน ขอกระแสแห่งพุทธานุภาพ กระแสพระพุทธเมตตา กระแสบุญศักดิ์สิทธิ์จากพระนิพพาน แผ่เมตตาเป็นกระแสลงมา บุญกุศลจากการปฏิบัติบูชา บุญกุศลจากการที่เราได้ทำบุญมากมายทุกสิ่งทุกอย่างโดยเฉพาะอย่างยิ่งวันนี้หมู่คณะเราได้ร่วมกันถวายมหาสังฆทานทั้ง 19 ชุด ตั้งจิตอธิษฐานแผ่เมตตาถึงทุกดวงจิตที่ท่านอยู่ ณ อรูปพรหมทั้งสี่
แผ่กระแสแห่งบุญกุศล กระแสแห่งพระนิพพานไปยังพรหมโลกทั้งสิบหกชั้น แผ่ลงไปยังสวรรค์ทั้งหกชั้น ทุกท่านทุกรูปทุกนามพึงได้รับ พึงได้โมทนาบุญ
แผ่เมตตาบุญกุศลลงไปยังภพของรุกขเทวดาภุมมเทวาทั่วอนันตจักรวาล
แผ่เมตตาลงไปยังภพของมนุษย์และสัตว์ที่มีขันธ์ห้ากายเนื้อทั่วทุกดวงดาวทั่วอนันตจักรวาลทั่วทุกมิติ
แผ่เมตตาบุญกุศลลงไปยังภพของโอปปาติกะสัมภเวสีดวงจิตดวงวิญญาณที่ทับซ้อนอยู่กับมิติของโลกหยาบ
แผ่เมตตาต่อไปยังภพของเปรตอสุรกายทั้งหลาย
แผ่เมตตาต่อไปยังภพของนรกภูมิทุกขุม
ขอสรรพสัตว์ทั้งหลายจงเข้าถึงบุญกุศลความสุขสงบร่มเย็น เข้าถึงกระแสแห่งธรรม เข้าถึงกระแสแห่งมรรคผลตามวิสัยตามบารมีของตน ท่านใดที่ทุกข์ก็ขอให้พ้นจากความทุกข์ คลายเบาลงจากความทุกข์ความเร่าร้อน คลายจากอกุศล คลายจากความเบียดเบียน คลายจากโมหะ คลายจากโทสะ คลายจิตจากความหลง จากมิจฉาทิฐิ ขอความเร่าร้อนความทุกข์จงดับ จงเบา จงสลาย ท่านที่สุขแล้วก็ขอให้เสวยความสุขประสบความสุขประสบความร่มเย็น และมีปัญญาญาณหยั่งรู้ในธรรม รู้ตื่นขึ้นสู่บุญกุศล เข้าถึงความสุขโดยไม่ติดสุขไม่หลงในความสุข ขอบุญจงส่งผลจนถึงที่สุดทั้งมนุษย์สมบัติ เทวสมบัติ พรหมสมบัติ ทิพยสมบัติ จนกระทั่งถึงพระนิพพานสมบัติในที่สุดทุกรูปทุกนามด้วยเถิด
จากนั้นเราก็ตั้งจิต น้อมกระแสแห่งพระนิพพาน กระแสที่เราปฏิบัติบูชา กระแสที่เราเจริญสมาธิร่วมกันลงมาเป็นบุญ กระแสบุญใหญ่ กระแสบุญจากพระนิพพาน กระแสแห่งพุทธานุภาพเป็นลำแสงสว่างคลุมประเทศไทย คลุมดินแดนสุวรรณภูมิทั้งหมด ขอให้เกิดความสุขสงบร่มเย็นสันติ ขอให้บุคคลผู้มีคุณธรรมศีลธรรมมีบุญมีบารมี มีกำลังใจเป็นพระโพธิสัตว์ได้มาเป็นใหญ่ปกครองบ้านเมือง ขอกุศลจงส่งผลเกิดความศักดิ์สิทธิ์อัศจรรย์ ขอให้เกิดยุคแห่งชาววิไลยุคแห่งแผ่นดินธรรมแผ่นดินทอง
น้อมกระแสจากพระนิพพานลงมายังวัดวาอารามสถานที่ปฏิบัติธรรมตลอดรวมไปจนถึงพระพุทธรูป พระเจดีย์ พระมหาเจดีย์ พระบรมธาตุเจดีย์ พระบรมสารีริกธาตุ พระอัฐิธาตุ พระทันตธาตุ วัตถุมงคลเครื่องรางของขลัง ผ้ายันต์ประเจียดมงคลทั้งหลายขอเกิดกำลังแห่งพุทธานุภาพความศักดิ์สิทธิ์มีกำลังพิทักษ์รักษาคุ้มครองบุคคลผู้เป็นสาธุชน บุคคลผู้มีศีลมีธรรม บุคคลผู้มีความศรัทธาในพระรัตนตรัย ขอจงเกิดผลเกิดความศักดิ์สิทธิ์อัศจรรย์
ขอคาถาทั้งหลายจงปรากฏความศักดิ์สิทธิ์อภิญญาเกิดอิทธิฤทธิ์เกิดอภิญญาจิตในหมู่ชนผู้ภาวนา มีความขยันหมั่นเพียรในการสวด ในการกำหนดจิต ในการบริกรรมและที่สำคัญขอจงเกิดผลความศักดิ์สิทธิ์เฉพาะต่อบุคคลผู้เป็นสัมมาทิฐิ มีจิตอันประกอบชอบด้วยกุศล มีจิตเมตตาปรารถนาดี ใช้กำลังอภิญญาใหญ่อภิญญาจิต เพื่อคุณประโยชน์ เพื่อส่วนรวม เพื่อศรัทธาเกิดขึ้นต่อจิตที่กำลังก้าวเข้าสู่เขตพระพุทธศาสนา ก่อเกิดอภิญญาใหญ่เพื่อสลายล้างมิจฉาทิฐิ เพื่อสร้างศรัทธาปสาทะให้บุคคลทั้งหลายทั้งในประเทศและชาวต่างประเทศเกิดความเคารพเลื่อมใส ศรัทธาสนใจที่จะเข้ามาปฏิบัติในพระพุทธศาสนาในที่สุด
ขอกระแสพุทธานุญาต กระแสแห่งพุทธานุภาพจงปรากฏอย่างอัศจรรย์ด้วยเถิด
จากนั้นตั้งจิต กราบลาพระพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ พระปัจเจกพุทธเจ้าทุกพระองค์ พระอรหันต์ หลวงพ่อ หลวงปู่ครูบาอาจารย์ที่ท่านมาปรากฏในนิมิต ที่ท่านเมตตามาสงเคราะห์เราบนพระนิพพาน ตั้งจิตอธิษฐานกราบ ขอทุกครั้งที่ข้าพเจ้าปฏิบัติกำลังจิต กำลังบุญ กำลังบารมีข้าพเจ้ายิ่งมากขึ้นเพิ่มพูนขึ้น กำลังศรัทธาในพระรัตนตรัยข้าพเจ้ายิ่งมั่นคงขึ้น กำลังจิตตานุภาพยิ่งปรากฏขึ้น ธรรมะฉันทะในพระนิพพานขอให้จิตข้าพเจ้ายิ่งปฏิบัติยิ่งแนบยิ่งตรงต่อมรรคผลพระนิพพานมากขึ้นด้วยเถิด ยิ่งปฏิบัติบารมี 30 ทัศยิ่งเต็ม
เมื่อกราบลาแล้วก็พุ่งจิตกลับลงมายังโลกมนุษย์ อธิษฐานขอให้เกิดเป็นแสงสว่าง กระแสจากพระนิพพานคลุมกายเนื้อ กระแสธรรมฟอกธาตุขันธ์ ผมขนเล็บฟันหนังกลายเป็นแก้วใสสว่าง โครงกระดูกเส้นเอ็น หลอดเลือดใสเป็นแก้ว หลอดเลือดชำระล้างใสบริสุทธิ์ ปลอดโปร่งโล่ง เส้นลมปราณทั่วร่างกายราบรื่นปลอดโปร่ง โคจรราบรื่นสมดุลสัมพันธ์เชื่อมโยงกับอวัยวะทุกส่วนทั่วร่างกาย กระแสบุญจากพระนิพพานฟอกธาตุขันธ์ อาการสามสิบสอง อวัยวะทุกส่วน ชำระล้างโรคทั้งหลายสลายออกไปด้วยกำลังแห่งจิต กำลังแห่งธรรม ฟอกธาตุขันธ์จนสะอาดจากโรคภัยไข้เจ็บทั้งปวง กระแสบุญศักดิ์สิทธิ์ฟอกร่างกายถึงระดับเซลล์ระดับ DNA สะอาดจัดเรียงเกลียว DNA ให้เข้าที่เป็นระเบียบเป็นปกติ เทโลเมีย[Telomere]ยืดขึ้นยาวขึ้นอายุยืนยาวขึ้นสุขภาพแข็งแรงขึ้น ยังประโยชน์ต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
กำหนดจิตต่อไป น้อมกระแสขอบุญกุศลโดยเฉพาะอย่างยิ่งทานบารมีทั้งปวง มหาสังฆทาน วิหารทาน ตลอดรวมถึงทานทั้งปวงที่ข้าพเจ้าทำทั้งในเขตพระพุทธศาสนานอกเขตพระพุทธศาสนาตั้งแต่อดีตชาติจนถึงปัจจุบัน จงมาปรากฏรวมตัวเป็นมนุษย์สมบัติให้ข้าพเจ้าใช้สร้างบารมีในชาติปัจจุบันนี้ เป็นมนุษย์สมบัติอันจับต้องได้ มีความคล่องตัวทุกประการ
บุญกุศลจงเป็นเกาะแก้วกำแพงแก้วคุ้มครองร่างกายชีวิตทรัพย์สินตลอดรวมไปถึงปิยะชนครอบครัวอันเป็นที่รักจากบรรดาภัยพิบัติทั้งปวงสงครามทั้งปวง ปลอดภัยจากวิบากอกุศลทั้งปวงด้วยกำลังแห่งตบะเดชะการเจริญกรรมฐานของข้าพเจ้า และขอให้บุญกุศลทั้งหลายจงปรากฏ จิตข้าพเจ้าจงเกิดความเป็นทิพย์ กำหนดรู้เห็นถึงเทวดาพรหมที่ท่านมาสงเคราะห์ข้าพเจ้าทั้งในยามที่เจริญพระกรรมฐานคือ ณ ปัจจุบันนี้ และที่ท่านเมตตามาดูแลข้าพเจ้าในระหว่างวัน ในระหว่างที่นอกเวลาที่ข้าพเจ้าเจริญจิตเจริญพระกรรมฐาน ขอให้ข้าพเจ้าได้กำหนดรู้และขอให้บุญกุศลแห่งการเจริญการปฏิบัติทานศีลภาวนาจงส่งผลถึงท่านทุกๆพระองค์ที่เมตตามาสงเคราะห์ข้าพเจ้า และที่กำลังเสด็จมาเมตตามาสงเคราะห์ข้าพเจ้าเพิ่มขึ้นมากขึ้นเรื่อยๆ ตามกำลังแห่งบุญที่ข้าพเจ้าสร้างไว้ดีแล้วด้วยเถิด
กำหนดรู้ของเราเอง เทวดาพรหมท่านมาโมทนาท่านมาดูท่านมาสงเคราะห์เรามากไหม กำหนดรู้ของเรา เราก็น้อมจิตแผ่เมตตาน้อมจิตให้ท่านมีส่วนร่วมในทุกบุญกุศลที่เราสร้างที่เราบำเพ็ญ
จากนั้นกำหนดจิต หายใจเข้าช้าๆลึกๆ หายใจเข้าพุทออกโท ครั้งที่ 2 ธัมโม ครั้งที่ 3 สังโฆ
จากนั้นก็กำหนดจิตโมทนาสาธุกับกัลยาณมิตร เพื่อนๆที่ปฏิบัติธรรมด้วยกันวันนี้ประมาณหกสิบห้าคนรวมไปถึงคนที่มาฟังในภายหลังก็ขอให้ได้มีส่วนร่วมในบุญอันเกิดขึ้นจากภาวนามัย การเจริญพระกรรมฐาน การเจริญจิตพระนิพพาน เข้าถึงความบริสุทธิ์ของจิต เข้าถึงฌานสมาบัติ คืออภิญญา คือกสิณทั้งหลาย ขอให้บุญจงสำเร็จกับทุกคน บุญจงส่งผลทันใจ บุญใหญ่จงส่งผลก่อนในชาติปัจจุบันนี้
สำหรับวันนี้ก็ขอฝากประชาสัมพันธ์ในเรื่องของ
1 การเขียนแผ่นทองในช่วงนี้ก็ได้กระจายแผ่นทองออกไปเป็นจำนวนมาก สำหรับใครที่ได้รับไปแล้ว เขียนเรียบร้อยแล้ว ก็พยายามส่งกลับคืนมานะครับ ส่งกลับคืนมาได้ ที่เขียนแล้ว แล้วก็คนไหนที่ได้รับไปแล้วแล้วก็คิดว่าจะไม่เขียนก็ช่วยส่งกลับมาด้วยก็ได้จะได้เป็นประโยชน์กับผู้อื่นนะครับ
สำหรับคนไหนที่ยังไม่ได้เขียนแผ่นทองสร้างพระเจ้าองค์แสนดวงจิตพระนิพพานก็คือขอแจ้งเจตจำนงที่ว่าจะช่วยเขียนอธิษฐานด้วยได้เพราะว่าจะเอาไปสร้างเป็นพระพุทธรูปรวบรวมเป็นแผ่นทองอธิษฐานแสนแผ่น แต่ละแผ่นเวลาที่เขียนก็ให้เราทรงอารมณ์ใจของเรา ยกจิตขึ้นไปบนพระนิพพาน ทุกครั้งที่ทรงอารมณ์จิตขึ้นพระนิพพานแล้วก็เขียนอธิษฐานว่าเราอธิษฐานตรงตายเมื่อไร เราขอมาพระนิพพาน ตรงจุดนี้ก็เกิดประโยชน์กับตัวผู้ที่เขียนแผ่นทองอธิษฐานจิตด้วย แล้วก็การสร้างพระก็จะได้องค์พระที่มีกำลังของจิตอันเป็นกุศลสูงสุดคืออารมณ์พระนิพพาน วันหนึ่งเราขึ้นพระนิพพานกี่ครั้ง เราก็เขียนทุกครั้งที่ขึ้นก็ได้ เพราะการรวบรวมให้ได้แสนแผ่นมันไม่ใช่เรื่องง่าย เราขึ้นวันละสามครั้งก็เขียนวันละสามแผ่น ขึ้นวันละสิบครั้งก็เขียนวันละสิบแผ่น หรือเรามีกำลังใจที่จะเขียนวันละแผ่นก็เขียน ช่วยกันคนละเล็กละน้อยในที่สุดก็ครบแสนแผ่นในที่สุด อันนี้ต้องใช้กำลังความเสียสละ ใช้กำลังความสามัคคี ส่วนคนที่ตั้งกำลังใจเขียนได้วันละสิบแผ่น ประโยชน์ที่ได้ก็คือจิตของท่านก็ยิ่งแนบอยู่กับพระนิพพาน แนบอยู่กับอธิษฐานบารมี ดังนั้นประโยชน์ไม่ใช่แต่การสร้างพระ ตัวบุคคลที่ยิ่งเขียนจิตก็ยิ่งแนบพระนิพพาน อันนี้ก็ถือว่าเป็นกุศโลบายในการสร้างด้วย อันนี้ก็ฝากไว้นะครับ คนไหนที่เขียนไปจำนวนมากแล้วก็ส่งกลับมาได้ จะได้เริ่มนับเริ่มรวบรวม เพราะเดี๋ยวถ้าส่งมารวดเดียวจำนวนมากๆ คนนับจะเหนื่อยเกินไป
อย่างตอนนี้ก็มีบางท่านก็มีความเพียรเป็นเลิศ บางท่านเขียนไปได้เป็นพันแล้วเฉพาะคนเดียวเขียนได้เป็นพันแผ่นแล้วก็มี
ดังนั้นจิตยิ่งแนบ จำไว้ว่าจิตของเรายิ่งย้ำมากเท่าไรยิ่งมีความมั่นคง ยิ่งฝึกฝนมากเท่าไรยิ่งเป็นวสี เรายกจิตขึ้นไปบนพระนิพพานเป็นพันเป็นหมื่นครั้ง ถ้าชาตินี้ตายไปจะไม่ไปพระนิพพานไม่ได้เชื่อว่าพระท่านก็
ต้องทรงเคราะห์มาช่วยมารับแน่นอน แต่ถ้าเราเคยปฏิบัติยกจิตไปพระนิพพาน เคยไปได้ครั้งเดียวแล้วก็บอกชาตินี้จะไปพระนิพพานแล้วก็ไม่เคยปฏิบัติไม่เคยทบทวนอีกเลย ถึงเวลาเราก็ไม่ได้ทำเหตุให้สมกับผล อย่างอันนี้เราเขียนคำอธิษฐานคนเดียวพันแผ่น พันคำอธิษฐาน อย่างไรจิตมันก็ปัก อย่างไรจิตเราก็จำ อย่างไรจิตเราก็มั่นคงอยู่กับพระนิพพาน ดังนั้นประโยชน์จริงๆก็อยู่ที่ตัวผู้ที่เขียนแผ่นทองนั่นเอง
อันนี้ก็ฝากไว้เป็นปัญญาบารมี เป็นอธิษฐานบารมีควบกัน
วันนี้ก็ขอโมทนาบุญกับทุกคน วันที่ 15 ก็พบกันในคอร์สเมตตาสมาธิที่สมาคมศิษย์เก่าจุฬา คนไหนที่ลงทะเบียนไปแล้วก็พบกัน คนไหนที่ยังไม่ได้ลงทะเบียนแต่ว่าอยากไปก็ยังพอแจ้งเข้ามาหลังไมค์ได้นะครับ
สำหรับวันนี้ก็ขอโมทนาบุญกับทุกคน พบกันใหม่สัปดาห์หน้าสวัสดีครับ
ถอดความและเรียบเรียงโดย : คุณ Be Vilawan